เผยแพร่เมื่อ:
5 ธ.ค. 2025
โดย
ChillDee.com
ความดันโลหิตสูง หรือที่หลายคนเรียกว่า "โรคความดันสูง" เป็นภาวะสุขภาพที่พบได้บ่อยในคนไทย โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป แต่ในปัจจุบันกลับพบในวัยทำงานและวัยรุ่นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โรคนี้เป็นภัยเงียบที่ไม่แสดงอาการในระยะแรก แต่หากไม่ดูแลอาจนำไปสู่โรคหัวใจ หลอดเลือดสมองแตก หัวใจวาย หรือไตวายได้
ความดันโลหิตสูงคืออะไร?
ความดันโลหิต (Blood Pressure) คือแรงดันของเลือดที่ไหลผ่านหลอดเลือดแดงในขณะหัวใจสูบฉีดเลือดไปทั่วร่างกาย มีค่าปกติอยู่ที่ประมาณ 120/80 mmHg โดยแบ่งเป็น:
- ค่าบน (Systolic Pressure) – ความดันเมื่อหัวใจบีบตัว (ควรไม่เกิน 120)
- ค่าล่าง (Diastolic Pressure) – ความดันเมื่อหัวใจคลายตัว (ควรไม่เกิน 80)
หากคุณวัดความดันแล้วค่าบนเกิน 140 หรือค่าล่างเกิน 90 ติดต่อกันหลายครั้ง จะถือว่า อยู่ในภาวะความดันโลหิตสูง
ความดันโลหิตสูง เกิดจากอะไร?
สาเหตุแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มหลัก:
1. ความดันสูงปฐมภูมิ (Primary Hypertension)
เป็นชนิดที่พบมากที่สุด (ประมาณ 90–95%) เกิดจากปัจจัยเสี่ยงสะสม เช่น
- พันธุกรรม
- อายุที่มากขึ้น
- การกินเค็ม
- การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์
- ความเครียดเรื้อรัง
- การไม่ออกกำลังกาย
- ภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน
2. ความดันสูงทุติยภูมิ (Secondary Hypertension)
เกิดจากโรคหรือความผิดปกติอื่น เช่น
- โรคไตเรื้อรัง
- ความผิดปกติของต่อมหมวกไต
- ยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิด ยาแก้อักเสบบางชนิด
- ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
อาการของความดันโลหิตสูง
โดยทั่วไปโรคนี้จะไม่แสดงอาการชัดเจนในระยะเริ่มต้น แต่หากความดันสูงมากหรือสะสมระยะยาว อาจมีอาการดังนี้:
- ปวดหัวบริเวณท้ายทอยโดยเฉพาะตอนเช้า
- เวียนศีรษะ หน้ามืด
- หายใจไม่อิ่ม
- ใจสั่น อ่อนเพลีย
- มองเห็นภาพซ้อน
- เลือดกำเดาไหล (ในบางกรณี)
ความเสี่ยงหากปล่อยไว้โดยไม่รักษา
- โรคหลอดเลือดสมองตีบหรือแตก (Stroke)
- หัวใจวาย หัวใจล้มเหลว (Heart Failure)
- ไตเสื่อมเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease)
- ตาบอดจากจอประสาทตาเสียหาย
- หลอดเลือดโป่งพองหรือฉีกขาด
ป้องกันความดันโลหิตสูงอย่างไร?
- ลดเค็ม: หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป, อาหารดอง, น้ำปลาปริมาณมาก
- เลือกไขมันดี: งดของทอด เพิ่มปลาทะเล น้ำมันมะกอก
- กินผักผลไม้ทุกมื้อ: ให้ได้โพแทสเซียม ไฟเบอร์ และสารต้านอนุมูลอิสระ
- ควบคุมน้ำหนัก: ลดรอบเอวเพื่อป้องกันภาวะดื้อต่ออินซูลิน
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ หรือโยคะ อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน
- นอนหลับเพียงพอ: อย่างน้อย 7–8 ชั่วโมงต่อคืน
- งดสูบบุหรี่และลดแอลกอฮอล์
- จัดการความเครียด: ฝึกสมาธิ, หายใจลึกๆ, ใช้เวลากับธรรมชาติ
วิธีรักษาความดันโลหิตสูง
1. ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต
- เริ่มด้วยการจดบันทึกความดันทุกวัน
- ปรับการกินให้น้อยโซเดียมและมีเส้นใยมากขึ้น
2. การใช้ยา
- แพทย์อาจสั่งยาลดความดันในรูปแบบต่างๆ เช่น ACE inhibitors, ARBs, ยาขับปัสสาวะ หรือ Beta-blockers
- ต้องกินต่อเนื่อง ไม่หยุดยาเอง แม้ความดันจะกลับมาปกติ
3. การตรวจติดตามระยะยาว
- ตรวจสุขภาพประจำปี
- ติดตามการทำงานของหัวใจ ไต และจอประสาทตา
สรุป
“ความดันโลหิตสูง” แม้ดูเหมือนไม่มีพิษภัยในช่วงแรก แต่หากไม่ใส่ใจอาจเป็นประตูสู่โรคร้ายแรงหลายโรคได้ การตระหนักรู้และเปลี่ยนพฤติกรรมตั้งแต่วันนี้ เช่น ลดเค็ม ออกกำลังกาย และนอนหลับให้เพียงพอ เป็นวิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพ และสามารถลดความเสี่ยงได้อย่างเห็นผลในระยะยาว
แหล่งที่มาข้อมูล